ปัจจุบันรถยนต์มีหลากหลายประเภทให้เลือกซื้อด้วยกัน อย่างไรก็ตามถ้าหากพูดถึงเทรนด์การซื้อรถยนต์ที่กำลังมาแรงในยุคนี้ก็ต้องเป็นเทรนด์การซื้อรถยนต์ EV อย่างแน่นอน
หลายคนยังสนใจ บทความน่ารู้เพิ่มเติม
อยากติดฟิล์มกรองแสงรถ EV ติดต่อเราสิครับ
รถยนต์ EV เป็นหนึ่งในประเภทรถยนต์ที่มาแรงแซงโค้งรถยนต์ประเภทอื่นๆ จากสถติหลายอย่างทำให้เห็นว่ารถยนต์ EV ใช้เวลาเพียงไม่นานก็เข้ามาติดตลาดได้ง่ายๆ และกลายเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกในการซื้อรถยนต์คันแรกของใครหลายคน เพราะไม่จำเป็นต้องใช้น้ำมันในการขับเคลื่อนเพียงอย่างเดียวเหมือนเก่าก็สามารถโลดแล่นไปบนท้องถนนได้สบายๆ
อย่างไรก็ตามก่อนที่จะซื้อรถยนต์ EV เป็นของตัวเอง เรามาเช็กลิสต์กันเลยดีกว่าว่าต้องรู้เรื่องอะไรบ้าง
วันนี้ Filmtastic ผู้เชี่ยวชาญด้านฟิล์มกรองแสงรถยนต์ จะมาแนะนำกันว่าก่อนซื้อรถไฟฟ้าทั้งที ต้องดูอะไรกันบ้าง
-
ข้อมูลของรถยนต์ EV
เริ่มต้นสิ่งที่ต้องรู้อย่างแรกก่อนตัดสินใจซื้อก็คือข้อมูลของรถยนต์ EV แต่ละประเภทนั่นเอง
เบื้องต้นเราสามารถแบ่งยานยนต์ชนิดนี้ได้ออกเป็น 3 ประเภทใหญ่ๆ ด้วยกันคือ
- รถยนต์ไฟฟ้าแบบไฮบริท (HEV)
- รถยนต์ไฟฟ้าแบบปลั๊กอิน (PHEV)
- รถยนต์ไฟฟ้าแบบใช้แบตเตอรี่ 100% (BEV)
ซึ่งแต่ละชนิดก็จะมีความแตกต่างกันไป
หากต้องการซื้อรถยนต์ EV เป็นของตัวเอง การเลือกรุ่นและนำมาเปรียบเทียบสเปคให้ตรงกับความต้องการของตัวเอง มีการทำความเข้าใจข้อดีและข้อเสียทั้งหมด ก็จะช่วยให้คุณค้นหารถยนต์ได้ตรงตามใจต้องการมากยิ่งขึ้น
รถไฟฟ้าแบบไหนนิยมที่สุด
อย่างไรก็ตามหากพูดถึงรถยนต์ EV ที่ผู้คนนิยมซื้อในยุคนี้ก็ต้องยกให้กับรถยนต์ประเภท รถยนต์ไฟฟ้าแบบใช้แบตเตอรี่ 100%BEV จริงๆ
แม้ว่าจะต้องคอยคำนึงถึงเรื่องระยะทางในการขับขี่เป็นประจำ รวมถึงต้องคอยตรวจสอบแบตเตอรี่และชาร์จให้เต็มที่ แต่การซื้อรถยนต์ประเภทนี้มาใช้งานก็คุ้มค่า ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายด้านเชื้อเพลิงได้เป็นอย่างมาก
อีกทั้งยังช่วยลดมลพิษบนท้องถนนอีกด้วย เนื่องจากพึ่งพาเพียงแบตเตอรี่และใช้มอเตอร์ไฟฟ้าในการขับเคลื่อนเท่านั้น บอกเลยว่าลืมเสียงเครื่องยนต์ที่ดังลั่นบ้านได้เลย เพราะรถยนต์ EV มีเสียงเครื่องยนต์เบาจนแทบไม่ได้ยิน
-
ระบบการชาร์จและการวางแผนติดตั้ง EV Charger
ถ้าต้องการซื้อรถยนต์ EV อีกสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญก็คือการทำความเข้าใจเกี่ยวกับการชาร์จแบตเตอรี่รถยนต์ EV
หลักๆ แล้วระบบการชาร์จแบตเตอรี่รถยนต์ EV นั้นมี 2 รูปแบบด้วยกันคือ
- AC Charging (ไฟฟ้ากระแสสลับ)
- DC Charging (ไฟฟ้ากระแสตรง)
แม้ว่าปัจจุบันจะมีที่สถานีชาร์จแบตเตอรี่ไฟฟ้าสาธารณะให้ใช้ตามจุดสำคัญต่างๆ เช่น ปั๊มน้ำมัน ห้างสรรพสินค้าหรือจุดพักรถ ซึ่งมีการคิดค่าบริการตามระยะเวลาในการชาร์จจะเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ แต่เพื่อความสะดวกต่อการใช้งาน ไม่ต้องคอยลุ้นและรอสายชาร์จว่าง การวางแผนติดตั้ง EV Charger ไว้ภายในบ้านจึงกลายเป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจไม่แพ้กัน
ข้อควรรู้ก่อนติดตั้ง EV Charger ภายในบ้าน
สำหรับใครที่สนใจติดตั้ง EV Charger ภายในบ้านที่อยู่อาศัย สิ่งแรกที่ต้องทำก็คือการตรวจสอบมิเตอร์ไฟฟ้าเสียก่อนว่าเพียงพอหรือไม่ ถ้าหากไม่เพียงพอก็จะต้องทำการขอติดตั้งมิเตอร์ลูกที่ 2 เพิ่มเติม
โดยพื้นที่กรุงเทพมหานคร นนทบุรีและสมุทรปราการสามารถยื่นขอได้ที่การไฟฟ้านครหลวง (MEA) ส่วนพื้นที่อื่นๆ สามารถยื่นขอได้ที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA)
นอกจากนี้การดูแลเรื่องระบบ การเดินสาย อุปกรณ์ป้องกันเพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการใช้งานพร้อมทั้งพื้นที่ลานจอดรถที่เหมาะสมต่อการติดตั้ง EV Charger ก็เป็นสิ่งที่ควรคำนึงถึงเช่นกัน
ติดตั้ง EV Charger ภายในบ้าน ราคาเท่าไร?
บอกได้เลยว่าการติดตั้ง EV Charger มีค่าใช้จ่ายตั้งแต่ 20,000 บาทไปจนถึง 100,000 บาทขึ้นอยู่กับยี่ห้อที่คุณเลือกใช้งานเลยทีเดียว แต่ทั้งหมดนี้ก็แลกกับความสะดวกสบายและความคุ้มค่าในระยะยาวนั่นเอง
อยากติดฟิล์มกรองแสงรถ EV ปรึกษาเราสิครับ
-
การซื้อประกันรถยนต์ EV
หากซื้อรถยนต์ EV อีกสิ่งที่มองข้ามไม่ได้ก็คือการซื้อประกันรถยนต์ EV ล่าสุดประเทศไทยเรามีการอัปเดตเกณฑ์ของประกันรถยนต์ EV เอาไว้เรียบร้อยแล้วในช่วงสิ้นปี 2566 ที่ผ่านมา ซึ่งเกณฑ์เหล่านี้จะมีการบังคับใช้จริงตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2567 และถ้าหากบริษัทประกันภัยยังไม่สามารถปรับเปลี่ยนได้ก็มีเวลาจนถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2567 ด้วยกัน
หลักเกณฑ์ที่น่าสนใจและควรรู้ไว้ก่อนตัดสินใจซื้อรถยนต์ EV อย่างแรกก็คือเกณฑ์ในการเปลี่ยนแบตเตอรี่ High-Voltage ซึ่งความคุ้มครองจะคิดตามอายุการใช้งานดังนี้
- อายุการใช้งานไม่เกิน 1 ปี จ่ายค่าสินไหมทดแทน 100% ของราคาแบตเตอรี่
- อายุการใช้งานไม่เกิน 2 ปี จ่ายค่าสินไหมทดแทน 90% ของราคาแบตเตอรี่
- อายุการใช้งานไม่เกิน 3 ปี จ่ายค่าสินไหมทดแทน 80% ของราคาแบตเตอรี่
- อายุการใช้งานไม่เกิน 4 ปี จ่ายค่าสินไหมทดแทน 70% ของราคาแบตเตอรี่
- อายุการใช้งานไม่เกิน 5 ปี จ่ายค่าสินไหมทดแทน 60% ของราคาแบตเตอรี่
- อายุการใช้งานเกิน 5 ปี จ่ายค่าสินไหมทดแทน 50% ของราคาแบตเตอรี่
ตัวอย่างเช่น ซื้อรถยนต์มาใช้เป็นระยะ 2 ปี 6 เดือน จากนั้นเกิดอุบัติเหตุที่ทำให้ต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่ High-Voltage ทั้งชุด หากแบตเตอรี่ราคา 1,000,000 บาท บริษัทประกันก็จะออกค่าใช้จ่ายส่วนนี้ให้ 800,000 บาท ซึ่งคิดเป็น 80% ของราคาแบตเตอรี่จริงๆ เป็นต้น
โดยเกณฑ์การระบุจำนวนผู้ขับขี่ก็ถูกเปลี่ยนแปลงเช่นกัน จากแต่ก่อนที่เป็นตัวเลือกก็เปลี่ยนเป็นต้องระบุชื่อผู้ขับขี่ ซึ่งสามารถใส่ชื่อได้สูงสุด 5 คน รวมถึงมีการกำหนดหลักเกณฑ์เครื่องชาร์จรถยนต์ EV ใหม่อีกด้วย
-
การเสื่อมสภาพและค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมของรถยนต์ EV
อย่างที่รู้กันว่าการตัดสินใจซื้อรถยนต์ EV มาใช้งาน หลักๆ แล้วก็เพราะช่วยเรื่องการประหยัดค่าใช้จ่ายด้านเชื้อเพลิง แต่การเปลี่ยนมาใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ก็มีค่าใช้จ่ายในส่วนอื่นๆ ที่ต้องคำนึงถึงเช่นกัน
ประเด็นใหญ่ๆ ที่ผู้ใช้งานรถยนต์ EV ต้องให้ความสนใจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็คือการดูแลรักษาแบตเตอรี่ไฟฟ้านั่นเอง ส่วนใหญ่แบตเตอรี่ไฟฟ้ารถยนต์จะมีอายุการใช้งานนานประมาณ 6-8 ปีด้วยกัน ถ้าหากแบตเตอรี่เสื่อมสภาพมากๆ เพื่อความปลอดภัยก็จำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนทันที
ซึ่งแบตเตอรี่ส่วนนี้มักมีราคาสูงจนอาจทำให้การซื้อรถยนต์ EV คันใหม่คุ้มค่ากว่าเลยทีเดียว
นอกจากค่าใช้เปลี่ยนแบตรถยนต์ EV แล้ว มีอะไรอีกบ้าง?
นอกจากเรื่องการเสื่อมสภาพของแบตเตอรี่ที่ควรรู้แล้ว
- การจ่ายภาษีรถยนต์ EV
- การทำความเข้าใจวิธีการดูแลรักษา
- การตรวจสภาพอะไหล่รถยนต์และระบบอย่างสม่ำเสมอ
- การคำนวณค่าไฟฟ้าในการชาร์จรถยนต์แต่ละครั้ง
ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นค่าใช้จ่ายที่นอกเหนือจากค่ารถยนต์ EV ทั้งสิ้น ถือว่าเป็นประเด็นที่มือใหม่อยากซื้อรถยนต์ EV จะต้องวางแผนไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อที่จะได้เตรียมเงินในการดำเนินการส่วนดังกล่าว
ไม่อย่างนั้นค่าใช้จ่ายก็อาจจะบานปลายจนไม่คุ้มต่อการใช้งานในระยะยาวได้เหมือนกัน
-
ทำความรู้จักแบรนด์ก่อนซื้อรถยนต์ EV
สิ่งสุดท้ายที่ต้องรู้ก่อนซื้อรถยนต์ EV เป็นของตัวเองก็คือการทำความรู้จักแบรนด์ให้ถี่ถ้วนเสียก่อน
หลายคนยังสนใจบทความเพิ่มเติม:รวม 7 รถ EV น่าใช้
เรียกได้ว่าตั้งแต่ช่วงปี 2566 ที่ผ่านมา หลายค่ายรถยนต์ก็ได้ก้าวเข้าสู่ตลาดรถยนต์ EV มาแบบเต็มตัว แม้จะช่วยทำให้คุณมีตัวเลือกมากขึ้น แต่เรื่องความน่าเชื่อถือของแต่ละแบรนด์ก็เป็นสิ่งที่คุณควรตรวจสอบก่อนการตัดสินใจเช่นกัน
ดังนั้นเพื่อที่คุณจะได้ค้นหารถยนต์ EV ที่ตอบโจทย์ของตัวเองมากที่สุด การทำความรู้จักแบรนด์ที่สนใจ ตรวจสอบความน่าเชื่อถือพร้อมทำการบ้านเปรียบเทียบบริการตั้งแต่เริ่มจนถึงบริการหลังการขาย ก็เป็นอีกเคล็ดลับหนึ่งที่จะทำให้คุณได้รถยนต์คู่ใจมาไว้ในครอบครอง
การซื้อรถยนต์ EV ได้ส่วนลดเท่าไร
กระซิบไว้ตรงนี้เลยว่ารถยนต์ EV บางค่าย นอกจากเข้าร่วมโครงการสนับสนุนจากคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติซึ่งทำให้มีส่วนลดมากกว่ารถยนต์ประเภทอื่นๆ แล้ว
การซื้อรถยนต์ EV กับบางแบรนด์ก็ยังมีการมอบสิทธิพิเศษให้กับลูกค้าคนพิเศษ เช่น โปรโมชั่นฟรีประกันภัยชั้น 1 ซึ่งส่วนใหญ่มีมูลค่าถึง 30,000 บาท รวมถึงการรับประกันในชิ้นส่วนอื่นๆ ของรถยนต์ EV อีกด้วย ถือว่าเป็นอีกหนึ่งหัวข้อที่อาจช่วยทำให้คุณตัดสินใจซื้อรถยนต์ EV ได้ง่ายยิ่งขึ้น
สรุปข้อควรรู้ก่อนซื้อรถ EV
ครบแล้วกับ 5 สิ่งที่มือใหม่ซื้อรถยนต์ EV ต้องรู้ในปี 2567 นี้ บอกได้เลยว่าถ้าเช็กลิสต์ครบทุกข้อ คุณก็สามารถเริ่มเดินเข้าศูนย์รถยนต์ที่สนใจแล้วเลือกรถยนต์ EV ที่ต้องการได้เลย ร่วมกันเป็นส่วนหนึ่งของนวัตกรรมด้านยานยนต์แห่งยุคไปพร้อมๆ กัน
รถยนต์ EV ทางเลือกในการซื้อรถยนต์ของคนรุ่นใหม่ ที่นอกจากจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายด้านเชื้อเพลิงแล้ว ก็ยังมาพร้อมกับระบบไฟฟ้าต่างๆ ที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีแห่งโลกอนาคต ช่วยลดการปล่อยมลพิษบนท้องถนนอย่างชัดเจน ถือว่าเป็นนวัตกรรมที่มีแนวโน้มพัฒนาขึ้นไปเรื่อยๆ มีไว้ใช้งาน รับรองว่าคุ้มค่าอย่างแน่นอน